ทันทีที่ไตรตรึงษ์ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามโหตรเพื่อนรักตายแล้วและกำลังจัดงานศพเงียบๆ อยู่ที่บ้านเก่าของเขาในภาคใต้ ไตรตรึงษ์ทิ้งคู่หมายรีบเดินทางไปหาทันที ทั้งสองรู้จักและเป็นเพื่อนรัก เรียนตำรวจด้วยกัน กระทั่งเริ่มทำงาน ไตรตรึงษ์ได้ประจำอยู่สน. ที่กทม. ส่วนมโหตรทำงานเป็นสายสืบอยู่ทางใต้ ไตรตรึงษ์เสียใจและไม่อยากเชื่อว่าไอ้โคร่งตายแล้วจริงๆ ก่อนไปวัดที่จัดงานศพ เขาแวะไปยังสน. ซึ่งดูแลคดีไอ้โคร่ง ไม่มีใครรู้ว่าไอ้โคร่งเป็นเป็นสายสืบและยังทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จก็เผอิญถูกลอบฆ่าเสียก่อน ด้วยหลักฐานบางอย่าง ทำให้เขารู้ว่าไอ้โคร่งเป็นหนึ่งในเหยื่อของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งยังตามจับคนร้ายไม่ได้ จากการไขคดีและได้ข้อมูลต่างๆ มา ไตรตรึงษ์พอจะปะติดปะต่อได้ว่าไอ้โคร่งน่าจะยังไม่ตาย คืนหนึ่งเขาพบว่ามันกบดานอยู่ในคฤหาสน์ของเขา ไอ้โคร่งเล่าว่า มันได้รับคำสั่งให้มาหาหลักฐานเรื่องการค้ามนุษย์ชาวรากษะ แต่ว่าไปขวางทางคนร้ายคดีฆาตกรรมนี้เสียก่อนจนถูกหมายหัว ที่แท้คนร้ายจัดรูปแบบฆาตกรรมโดยอิงตารางฤกษ์ที่เรียกว่า ‘ยันต์อุบากอง’ และวิธีการฆ่าแบบวิธีโบราณ มันฆ่าทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์รากษะ และคนร้ายก็คือสารวัตรพรต ซึ่งสูญเสียเพื่อนรักคือสารวัตรแจ้งหล้าไป หลังจากสารวัตรแจ้งหล้าพยายามขุดคุ้ยคดีค้ามนุษย์เพื่อเอาตัวทวยหาญไปรับโทษ แต่แล้วกลับถูกทวยหาญลอบสังหารและไม่มีใครเอาผิดได้ สารวัตรพรตวางแผนเข้าไปคลุกคลีกับทวยหาญแล้วก่อคดีใหญ่ให้สื่อและประชาชนสนใจ เพราะไม่ศรัทธากับกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไปแล้ว สารวัตรพรตยอมฆ่าตัวเองเพื่อให้แผนการใหญ่ดำเนินต่อ และตอนนี้แม้ตัวตายแล้วก็ยังมีคนรับช่วงทำต่อไตรตรึงษ์ไขคดีจนรู้ว่าคนร้ายคือ เบญกา ชาวรากษะ เบญกาเคยถูกหลอกมาขายแรงงาน แต่สารวัตรพรตช่วยไว้ได้ เธอจึงร่วมมือกับสารวัตรพรตก่อคดี รวมถึงรู้ด้วยว่าเหนือทวยหาญขึ้นไปยังมีคนบงการอยู่ คือวราห์พี่สาวและพี่เขยผู้ทรงอิทธิพลของไตรตรึงษ์นั่นเอง ในที่สุด แผนขั้นสุดท้ายของสารวัตรพรตก็ทำสำเร็จ ตอนนี้ทั้งตำรวจ สื่อ และประชาชนจับจ้องมา ทำให้ได้หลักฐานมัดตัวจะจะ และกลายเป็นคดีที่อยู่ในแสงไฟ ไม่สามารถหาคนช่วยปิดคดีได้ ขณะที่วราห์กับสามีหนีออกนอกประเทศ ชื่อเสียงของครอบครัวไตรตรึงษ์เสียหายอย่างหนัก ไตรตรึงษ์กับไอ้โคร่งเดินหน้าต่อเพื่อผดุงความยุติธรรม และเดินทางไปพักด้วยกันก่อนเริ่มคดีต่อไป